. 9Microcontroller
เทคโนโลยีสมองกลฝงตัว (Embedded Technology) เปนระบบที่มีความจําเปนในชีวิตประจําวันของเราในยุคนี้มากมายโดยที่เราไมรูตัว ยิ่งยุคโลกไรพรมแดนในปจจุบันผูเดินทางไปมาหากันโดยไมตองใชวีซา จะหาอะไรมาเปนกําแพงกั้นใหคนหางไกลนั้นยิ่งยากมากกวาที่จะทําใหคนไดใกลชิดกัน การส่ือสารระบบโครงขายของคอมพิวเตอรและระบบโทรศัพทยิ่งทําใหคนที่อยูหางกันสุดขอบโลก เหมือนอยูใกลแคปลายจมูกเสมือนดมกล่ินกันได ดวยโครงขายระบบ 3G และ 4G ที่มองเห็นกันทั้งที่อยูไกลกันออกไปอีกทั้งยังมีโปรแกรมคอมพิวเตอรมากมายที่สรางโลกเสมือนจริง จนสรางความฉงนวานั่นคือโลกแหงความเปนจริงหรือเปลา หรือมันเพียงแคความตองการของผูบริโภคตามกระแสนิยมชั่วขณะหนึ่งเทานั้น
การเรียนรูเรื่องเทคโนโลยีมิไดหมายความวาจะตองใชเทคโนโลยีนั้นทุกเรื่อง เชน พกโทรศัพทราคาแพงเพื่อถายรูปอาหาร แคอยากอวดคนอ่ืนวามื้อนี้ตนไดกินอะไรบนโซเชี่ยลเน็ตเวิรค (Social Network)ซึ่งนั่นจัดอยูในจําพวกบริโภคเทคโนโลยีนิยมหรือเปลาที่บริโภคทุกเรื่องตามกระแสนิยม ตกเปนเหยื่อกลไกตลาด มิไดคิดถึงเรื่องความเหมาะสมกับตัวเอง
การบริโภคเทคโนโลยีของผูมีสติปญญาคือการศึกษาเชิงลึก เพื่อวันขางหนาจะไดสรางเทคโนโลยีใหมออกมาใชเอง เพื่อญาติพี่นอง เพื่อจังหวัดของตัวเอง เพื่อใหคนทั้งประเทศไดใชงาน หรือแมแตคนทั้ง
บทนําสมองกลฝงตัวกับชีวิตมนุษย (Introduction to Embedded)
10 . Microcontroller
โลกอาจจะตองใชแนวคิดทางดานเทคโนโลยีที่เราคิดข้ึนมาเองก็เปนได ซึ่งอาจจะยาก แตก็ไมใชเรื่องไกลสุดเอ้ือมสําหรับมนุษยผูขวนขวาย แตไมใชเรื่องงายที่ใคร ๆ ก็ทําได อยูที่มีองคความรูและความอยากรูอยากเห็นอยากทดลองเรื่องนั้น ๆ
ในบทนี้จะยกตัวอยางเทคโนโลยีใกลตัวที่เกี่ยวของกับไมโครคอนโทรลเลอร และระบบสมองกลฝงตัว ที่มีผลตอบแทนคอนขางสูงคุมคากับการเรียนรูในปจจุบันถาสามารถสรางข้ึนมาและทดลองจนเปนที่ยอมรับได โดยสามารถนําไปตอยอดไดอีกหลายเรื่อง
1. ระบบควบคุมมอเตอร2. เครื่องมือทางการแพทย3. ระบบควบคุมรถยนต4. การเกษตร5. การส่ือสาร6. อ่ืน ๆ อีกมากมาย
ระบบการควบคุมมอเตอรปจจุบันการขับเคล่ือนเครื่องกลโดยใชมอเตอรนับเปนเรื่องที่สําคัญยิ่ง และมอเตอร 3 เฟส ก็เปนตัว
ขับเคล่ือนที่ใชงานมากที่สุดในงานอุตสาหกรรม มีทั้งที่ใชแรงดันไฟ 110 โวลต 220 โวลต หรือ 380 โวลตตามขนาดและลักษณะการใชงาน อุปกรณที่นํามาทําเปนอุปกรณควบคุมมอเตอรเรียกวา อินเวอรเตอร(Inverter) มีรูปรางบางแบบตามรูปที่ 1.1
• รูปที่ 1.1 อินเวอรเตอร เครื่องมือที่ใชควบคุมมอเตอร
. 11Microcontroller
• รูปที่ 1.2 สัญญาณไซนที่ถูกสรางจากสัญญาณ PWM
• รูปที่ 1.3 โครงสรางเบ้ืองตนของวงจรอินเวอรเตอรแบบ 3 เฟส
Motor
Contr
ol lo
gic
InverterConverter DC BUS
L1L2L3
Output Voltage
การทํางานของอินเวอรเตอรพวกนี้จะมีหลักการทํางานที่คลาย ๆ กัน โดยการสรางพัลซ PWMใหไดสัญญาณไซนเวฟข้ึนมาดังรูปที่ 1.2
การสรางสัญญาณไซนเวฟดวยสัญญาณ PWM จากรูปที่ 1.2 เพื่อควบคุมความถี่ของสัญญาณไซนเวฟในภาคเอาตพุตทําไดคอนขางงาย โดยปกติการควบคุมความเร็วของมอเตอร 3 เฟส จะใชหลักการควบคุมความถี่ ซึ่งสวนใหญเริ่มที่ 0 ไปจนถึง 128 เฮิรตซ เพราะเมื่อความถี่เปล่ียนพลังงานยอมเปล่ียนตามและเปนผลทําใหความเร็วเปล่ียนไปดวย และสรางเปนชุดซิกบริดจไดรฟ (Six Bridge Drive) หรือการขับที่มี 6 เฟสข้ึนมา เพราะสัญญาณ 3 เฟสนั้นจะตองมีทั้งเฟสบวกและลบ จึงจําเปนที่จะตองเปนซิกบริดจไดรฟ ซึ่งแสดงหลักการทํางานเบื้องตนดังรูปที่ 1.3
12 . Microcontroller
Converter DC Bus Inverter
Controllogic
Threephasemotor
DC Full wave Filtered DC Simulated AC
Three phaseAC
+DC bus
-DC bus
Power Inverter
Current Feedback Signals
Mechaical Feedback Signals (speed and position)
Tree-phase motor
Encoder/tachometer
Microcontroller
• รูปที่ 1.4 โครงสรางในการควบคุมอินเวอรเตอร 3 เฟสระบบปด
• รูปที่ 1.5 โครงสรางในการควบคุมอินเวอรเตอร 3 เฟสที่ใชรวมกับระบบการนับรอบ
. 13Microcontroller
• รูปที่ 1.6 ตัวอยางอุปกรณควบคุมมอเตอร 3 เฟส
โครงสรางในชุดกําลังจากรูปที่ 1.3 จะเปนชุดควบคุม ซึ่งเปนการควบคุมในระบบปดเพื่อทดสอบสภาวะที่ตัวเองทํางานอยู ทั้งยังสามารถคํานวณอนาคตไดวาจะไปสรางสปดแบบไหน ระยะเวลาในการเปล่ียนแปลงเปนอยางไร เทคนิคพวกนี้ก็จะใชเทคนิคชั้นสูงมาใชงาน อยางเชนพวก PID Control หรือFuzzy Logic Control หรือ Sliding Mode Control เปนเทคโนโลยีชั้นสูงที่สามารถนํามาประยุกตใชงานในการสรางอินเวอรเตอรได ซึ่งแสดงการควบคุมในระบบปดเปนกรณีศึกษาในรูปที่ 1.4
โครงสรางตามรูปที่ 1.4 สามารถสรางเปนอุปกรณควบคุมราคาสูงได ซึ่งสามารถใชรวมกับระบบนับรอบไดดังรูปที่ 1.5 ซึ่งเปนตัวอยางของการใชงานจริงในงานอุตสาหกรรมและสามารถสรางเปนผลิตภัณฑเชิงพาณิชย ดังตัวอยางสินคาในรูปที่ 1.6 และรูปที่ 1.7
เคร่ืองมือทางการแพทยปจจุบันมีเทคโนโลยีระบบสมองกลฝงตัวเขามาเกี่ยวของกับการแพทยคอนขางมาก การรักษา
พยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือผาตัดใหม จะมีสายระโยงระยางไปที่ตัวผูปวยเต็มไปหมดเพื่อตรวจเช็กและวัดเกือบทุกจุดสําคัญก็วาได เชน วัดอัตราการเตนของหัวใจ คล่ืนสมอง การตอบสนองความรูสึก ฯลฯนอกจากนี้ยังมีการนําเทคโนโลยีของระบบเครือขายมาประยุกตใชกับเทคโนโลยีทางการแพทย ทําใหผูปวยไมตองเสียเวลามาพบแพทย ไมตองรอคิว อีกทั้งไมตองรับเชื้อจากผูปวยคนอ่ืน ๆ หรือบางครั้งคนไขอาจจําเปนตองมีแพทยหลายคน เพื่อวินิจฉัยโรคเฉพาะดาน แตดวยขอจํากัดของเวลา และแพทยมีจํานวนไมเพียงพอ หรืออยูตางสถานที่กัน อยางเชน ระบบรักษาของศูนยการแพทยคายูกา เมดิคอล เซ็นเตอร(Cayuga Medical Center) ที่มีการทํางานผานระบบเครือขายทั้งหมด อุปกรณทุกตัวที่สําคัญ อยางเชนเครื่องสแกนสมอง เครื่องเอกซเรยหัวใจ และอุปกรณตาง ๆ ไดถูกเชื่อมตอเขากับระบบเครือขาย ทําใหงายตอการวิเคราะหหรือวินิจฉัยโรค
14 . Microcontroller
• รูปที่ 1.7 ชุดควบคุมหลักที่ใชไมโครคอนโทรลเลอรในการสรางอินเวอรเตอร
• รูปที่ 1.8 โครงขายการเชื่อมโยงของเครื่องมือแพทยในปจจุบัน
. 15Microcontroller
จากรูปที่ 1.8 เปนโครงขายของเครื่องมือที่มีการเชื่อมเขากับเครื่องมือทางการแพทย เพื่องายตอวินิจฉัยหรือรักษาของคณะแพทย ซึ่งผูปวยอาจจะไมตองเจอกับแพทยโดยตรง สวนใหญหองที่ใชรักษาผูปวยก็จะมีลักษณะดังรูปที่ 1.9 ซึ่งเปนรูปในมุมกวาง และรูปที่ 1.10 เจาะจงใหเห็นในสวนของเครื่องมือที่ใชกับการชวยชีวิตผูปวย
• รูปที่ 1.9 หองรักษาผูปวย โดยเฉพาะกรณีฉุกเฉินจะตองใชเครื่องมือพิเศษพวกนี้
• รูปที่ 1.10 เครื่องมือในการชวยเหลือชีวิตผูปวย ซึ่งมีเฉพาะในโรงพยาบาลใหญๆ
16 . Microcontroller
• รูปที่ 1.11 โครงสรางการทํางานของเครื่องอัลตราซาวด
• รูปที่ 1.12 ลักษณะของหัวรับสงสัญญาณเสียงหรืออัลตราซาวด
. 17Microcontroller
แมแตกระทั่งเครื่องมือสําหรับตรวจครรภผูหญิง บางคนอาจมีโอกาสไดใชนั่น คือเครื่องอัลตราซาวด (Ultrasound System) ซึ่งเมื่อกอนถือวาเปนเครื่องมือที่มีความกาวลํ้าทันสมัย เนื่องจากสามารถลวงรูเพศของทารกในครรภ และวิเคราะหวาทารกนั้นมีความสมบูรณหรือไม โดยแสดงหลักการทํางานของเครื่องมือชนิดนี้ไดดังรูปที่ 1.11 ซึ่งมีหัวรับสงสัญญาณเสียง เปนการสงเสียงสะทอนออกไป 3 แบบคือตรง ๆ มุมกวาง และกวางมาก ดังรูปที่ 1.12 สวนรูปที่ 1.13 เปนผลของการใชเครื่องสแกนดวยอัลตราซาวด เครื่องอัลตราซาวดถือเปนเครื่องมือพื้นฐานที่คนกําลังจะมีลูกจะตองไดใช
• รูปที่ 1.13 ภาพที่ไดจากเครื่องสแกนแบบอัลตราซาวด
• รูปที่ 1.14 ลักษณะการวัดการเตนของหัวใจดวยชีพจรปลายนิ้วซึ่งเปนจุดที่วัดไดงายที่สุด
18 . Microcontroller
• รูปที่ 1.15 แผนผังการทํางานของเครื่องวัดการเตนของหัวใจและออกซิเจนในเม็ดเลือด
• รูปที่ 1.16 ลักษณะการติดต้ังอุปกรณกระตุนการทํางานของหัวใจ
เครื่องมืออีกประเภท หนึ่งเปนเครื่องมือที่ใชสําหรับคนที่เปนโรคหัวใจ คนปวยประเภทนี้จําเปนจะตองไดรับการชวยเหลืออยางกระทันหันและทันทวงที จึงมีการวัดตรวจสอบอยูตลอดเวลา ตองตอเครื่องมือวัดที่นิ้วหรือติ่งหู หรือบางกรณีอาจจะเปนโพรบที่ติดกับหนาอกตลอดเวลา ซึ่งการตอเครื่องมือวัดที่ปลายนิ้วเพื่อตรวจสอบการเตนของชีพจรเปนไปตามตัวอยางในรูปที่ 1.14 อุปกรณพวกนี้ก็สามารถแจงเตือนดวยเสียง เมื่อเกิดการเตนของหัวใจไมเปนไปตามจังหวะที่ตองการหรือแจงเตือนแบบไรสายไปยังผูที่เกี่ยวของได และที่สําคัญสามารถทําเปนดาตาล็อกเกอรเก็บขอมูลการเตนของหัวใจ และปริมาณออกซิเจนในเม็ดเลือดเขาดาตาเบส เพื่อการวิเคราะหหาทางแกไขได โดยแสดงแผนผังการทํางานของเครื่องชนิดนี้ดังรูปที่ 1.15
. 19Microcontroller
บางคนที่อาการของโรคหัวใจกําเริบหนักมาก ๆ จําเปนจะตองใชหัวใจเทียมเพื่อยื้ออายุใหยาวนานข้ึนไปอีกตองใชเครื่องชวยกระตุน การติดตั้งอุปกรณกระตุนหัวใจแสดงไวดังรูปที่ 1.16 ซึ่งแพทยอาจจําเปนที่จะตองผาตัดนําเครื่องมือใสในรางกายมนุษย โดยการติดตั้งเครื่องกําเนิดสัญญาณการเตนของหัวใจในรางกายมนุษยแสดงดังรูปที่ 1.17 เครื่องมือชนิดนี้มีหลักการทํางานดังรูปที่ 1.18
• รูปที่ 1.17 แสดงแนวคิดการติดต้ังเครื่องชวยกระตุนการทํางานของหัวใจ
• รูปที่ 1.18 โครงสรางการทํางานของเครื่องกระตุนหัวใจในรูปแผนผังซึ่งใชหลักการของ PWM ที่จะไดศึกษาในบทที่ 9
20 . Microcontroller
สมองกลฝงตัวกับระบบควบคุมรถยนตรถยนตนับเปนปจจัยหลักในการเดินทาง แมวาเทคโนโลยีการติดตอส่ือสารแบบไรสายและ
ระบบเครือขายอินเทอรเน็ตจะพัฒนามากข้ึนแลวก็ตาม แตไมสามารถตอบสนองเรื่องการขนสงได ดังนั้นการพัฒนารูปแบบในการขับเคล่ือนของรถยนตจึงเปนส่ิงที่จําเปน เพื่อตอบสนองความเร็วและความสะดวกสบายในการขับข่ี เทคโนโลยีใหม ๆ จึงถูกคิดคนตอบสนอง เชน ใหวิ่งดวยความเร็วสูง แตส้ินเปลืองน้ํามันนอยลง สวนทางกับการขับข่ีในอดีต เพราะไดนําหลักการของระบบสมองกลฝงตัว หรือไมโครคอนโทรลเลอร FPGA เปนตัวควบคุม
จากที่กลาวมาจึงเปนที่มาของรถยนตประหยัดพลังงานลูกผสมที่เรียกวา รถยนตแบบไฮบริด(Hybrid) ซึ่งเปนการใชพลังงานในการขับเคล่ือน 2 แหลง คือพลังงานจากเครื่องยนตและพลังงานจากมอเตอร ซึ่งการขับมอเตอรก็จะใชมอเตอรแบบ 3 เฟสที่ควบคุมดวยลอจิกกคอนโทรล
จากรูปที่ 1.19 เปนรูปที่มีการนําชุดขับเคล่ือนโดยใชมอเตอรและเครื่องยนตในรถไฮบริดใหสามารถทํางานเขาดวยกันอยางสมบูรณ เมื่อความเร็วต่ําก็จะใชมอเตอรเปนตัวขับเคล่ือน และเมื่อความเร็วสูงก็จะใชเครื่องยนต เมื่อเครื่องยนตทํางานก็จะชารจแบตเตอรี่ไปดวย ดังนั้นระบบการชารจแบตเตอรี่ก็จะมีความสําคัญ ระบบควบคุมโดยสมองกลฝงตัวจึงเขามามีบทบาท ดังโครงสรางการทํางานในรูปที่ 1.20
จากรูปที่ 1.20 เปนโครงสรางการทํางานระบบการชารจแบตเตอรี่ที่ควบคุมดวยระบบสมองกลฝงตัว ส่ังงานหรือส่ือสารภายในโดยหลักการของแคนบัส (CAN Bus : Control Area Network Bus) ซึ่งระบบนี้เขามามีบทบาทในการควบคุมรถยนตทั้งคัน ดังนั้นชางซอมรุนเกา ๆ ที่ไมไดศึกษาการ ส่ือสารประเภทนี้ไวอาจจะซอมรถยนตรุนใหมไมไดเลย โดยหลักการทํางานของการควบคุมแบบ CAN Bus ในรูปแบบโครงสรางการส่ือสารขอมูลเครือขายแสดงไวในรูปที่ 1.21 แสดงสัญญาณการส่ือสารไวในรูปที่ 1.22
• รูปที่ 1.19 โครงสรางในการติดต้ังชุดขับเคลื่อนโดยใชมอเตอรและเครื่องยนตในรถไฮบริด
. 21Microcontroller
• รูปที่ 1.20 โครงสรางการทํางานระบบการชารจแบตเตอรี่ที่ควบคุมดวยระบบสมองกลฝงตัว
ระบบ CAN Bus ที่กลาวมาเปนการส่ือสารแบบขนานกัน 2 เสน จึงงายตอการตรวจสอบระบบการทํางาน ดังนั้น ระบบแบบนี้จึงสามารถสรางระบบการแจงเตือนหรือบอกตําแหนงของอุปกรณที่เกิดการทํางานผิดพลาดเพื่อใหงายตอการซอม บางกรณีผูใชรถอาจแกปญหาเบื้องตนไดดวยตนเอง หากมีการศึกษาคูมืออยางละเอียด นอกจากนี้การส่ือสารแบบ CAN Bus ยังมีความประหยัดทั้งเวลาและเครื่องมือในการตรวจซอม
22 . Microcontroller
• รูปที่ 1.21 โครงสรางการทํางานที่ใชการสื่อสารแบบ CAN Bus
• รูปที่ 1.22 ลักษณะของสัญญาณในการสื่อสารแบบ CAN Bus
. 23Microcontroller
จากที่กลาวมาเปนเพียงบางสวนของรถยนตที่มีการนําระบบสมองกลฝงตัวมาใชงาน เพราะในรถยนต 1 คัน มีอุปกรณอิเล็กทรอนิกสและการควบคุมไมต่ํากวา 100 ตัว บรรจุอยู ทั้งที่ในเวลานี้เปนเพียงการเริ่มตน บุคคลากรดานยานยนตจําเปนจะตองมีองคความรูดานอุปกรณอิเล็กทรอนิกส โปรแกรม และองคประกอบที่ใชสําหรับควบคุมสมองกล จึงจะสามารถปฏิบัติงานได
โปรแกรมที่ใชในงานระบบสมองกลฝงตัวการศึกษาพัฒนาการของระบบสมองกลฝงตัวนั้น ตองทําความเขาใจเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม
อยางนอย 3 แบบคือ1. การเขียนโปรแกรมโพลล่ิง (Polling Programming)2. การเขียนโปรแกรมอินเตอรรัปต (Interrupt Programming)3. การเขียนโปรแกรมผานระบบปฏิบัติการ (OS Programming)การเขียนโปรแกรมทั้ง 3 รูปแบบในแบบที่ 1 และแบบที่ 2 จะกลาวในภายหลัง ในสวนแรกขอ
กลาวเฉพาะโปรแกรมระบบปฏิบัติการหรือแบบที่ 3 ที่ใชในการพัฒนาสมองกลฝงตัววามีอะไรบาง
• รูปที่ 1.23 การเสียบสายเครื่องตรวจซอมและวิเคราะหอาการเสียเขากับรถ
• รูปที่ 1.24 อานคาที่ไดจากการวิเคราะหของเครื่องมือในการวิเคราะหอาการเสีย
24 . Microcontroller
• รูปที่ 1.25 ผลิตภัณฑที่ใชระบบปฏิบัติการ iOS
• รูปที่ 1.26 ผลิตภัณฑที่ใชระบบปฏิบัติการ Windows CE
เนื่องจากการพัฒนาผานระบบปฏิบัติการนั้น สวนเปนการพัฒนาตอยอดจากของเกาที่มีอยู แตถาไมมีเคาโครงของเกามากอนเลย ระบบปฏิบัติการจะตองพัฒนาข้ึนมาใหมทั้งหมด ซึ่งอาจจะใชเวลาการพัฒนานานมากและไมทันตอความตองการของผูบริโภค เพราะเปนการคิดใหมหมดตั้งแตศูนย
การพัฒนาขีดความสามารถของอุปกรณตัวเดิมหรือการอ๊ัพเกรดโปรแกรม เพิ่มฟงกชั่นในการทํางาน ทําไดงายกวา ซึ่งจะแบงกลุมของระบบปฏิบัติการไดออกมาเปน 3 ลักษณะคือ
. 25Microcontroller
• รูปที่ 1.28 ผลิตภัณฑที่ใชระบบปฏิบัติการ Embedded Linux
• รูปที่ 1.27 ผลิตภัณฑที่ใชระบบปฏิบัติการ Windows Mobile
1. ระบบปฏิบัติการที่เปนการคา อยางคายไมโครซอฟตไดพัฒนาระบบปฏิบัติการสําหรับระบบสมองกลฝงตัวข้ึนมา เรียกวา Windows CE หรือ Windows Mobile คาย Apple McIntosh ไดพัฒนาระบบปฏิบัติการ iOS ระบบปฏิบัติการพวกนี้ใชหนวยความจําในการประมวลผลคอนขางนอย ดวยตัวเครื่องที่สรางมาคอนขางเล็กแตตองการประสิทธิภาพสูง ซึ่งผลิตภัณฑที่เปนผลพวงของระบบปฏิบัติการนี้ดังไดเห็นตัวอยางจากรูปที่ 1.25 - 1.27
26 . Microcontroller
• รูปที่ 1.29 ผลิตภัณฑที่ใชระบบปฏิบัติการ Android
2. ระบบปฏิบัติการที่เปนคายของลินุกซ (Linux) ซึ่งคายนี้มีการพัฒนาซึ่งรวดเร็วมากไดแตกดอกออกผลมามากมายหลายชนิด ตัวที่เดนที่สุดในปจจุบันก็คือ Android ซึ่งเปน OS ที่กําลังไดรับความนิยมเพิ่มข้ึนเรื่อย ๆ เนื่องจาก Android ถูกพัฒนาใหมีประสิทธิภาพใกลเคียงกับ iOS เพื่อที่จะแขงกับผลิตภัณฑของคาย Apple เพียงแต Android เหมาะกับผูที่ใชเพื่อพัฒนาระบบสมองกลฝงตัวมากกวาเพราะสามารถนําไปพัฒนาตอยอดการใชงานอ่ืน ๆ ไดอีกมากมาย ซึ่งตางจาก iOS และ Windows Mo-bile ที่ไมสามารถจะพัฒนาในสวนของระบบปฏิบัติการไดอีก ผลิตภัณฑของระบบปฏิบัติการแบบนี้แสดงตัวอยางไวในรูปที่ 1.28 และรูปที่ 1.29
3. ระบบปฏิบัติการที่ใชไมโครคอนโทรลเลอรและไมโครโปรเซสเซอร ปฏิบัติการกลุมนี้มีขนาดเล็กและกินพื้นที่ของหนวยความจํานอยกวา 2 แบบที่กลาวมา แตมีรูปแบบในการทํางานที่คลายกัน ยกเวนเรื่องการควบคุมคือจะควบคุมเฉพาะเรื่อง เฉพาะอยาง หรือที่เรียกวา RTOS (Real Time Operation Sys-tem) ผลิตภัณฑที่เกิดจากระบบปฏิบัติการชนิดนี้นิยมใชในรถยนต หรือเครื่องมือวัดราคาแพง ซึ่งระบบปฏิบัติการแบบนี้ก็จะมีอยูหลายเวอรชั่นและหลายคาย ในแตละคายจะมีการรองรับอุปกรณที่ไมเหมือนกัน
ที่กลาวมาทั้งหมด เปนแนวทางและที่มาที่ไป เพื่อการเริ่มตนศึกษาเทคโนโลยีสมองกลฝงตัวซึ่งหัวใจของระบบนี้ อยูที่ไมโครคอนโทรลเลอรหรือไมโครโปรเซสเซอร หรือระบบที่ตองการความแมนยําสูง ๆ เปนตัวประมวลผล
Top Related